หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556


http://www.cnxdesign.com

http://www.cnx2property.com

http://www.faiamorn.com

http://www.chiangmaidirectcosmetic.com

 http://psoriasisthailand.lnwshop.com

http://psoriasisthailand.circlecamp.com

http://psoriasisthailand.siamvip.com

http://psoriasisthailand.bigshopping.com

วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2556

วิธีเลือกสีและลวดลาย ผ้าม่าน


วิธีเลือกสีและลวดลาย ผ้าม่าน

ในการเลือกผ้าม่านเพื่อนำมาแต่งบ้านนั้นนอกจากเพื่อความสวยงามและช่วยกันความร้อนจากแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างได้แล้ว จะต้องพิจารณาที่ความเหมาะสมระหว่าง สี, ขนาดและลวดลาย รวมทั้งวิธีการติดตั้งที่แฟน ๆ คนรักบ้านเลือกใช้ว่าเข้ากันได้กับความกว้างยาวของกรอบหน้าต่างหรือเปล่าด้วยในการเลือกผ้าม่านสำหรับหน้าต่างที่มีขนาดกว้างนั้น ถ้าต้องการให้ขอบหน้าต่างที่ดูกว้าง ๆ ของคุณดูแคบลง ก็สามารถทำได้โดยใช้วิธีการแบ่งผ้าม่านออกเป็นช่อ ๆ หลายส่วน ไม่ควรใช้ผ้าที่มีขนาดใหญ่ติดกันเป็นผืนเดียวเพราะจะทำให้หน้าต่างที่กว้างอยู่แล้วยิ่งดูกว้างขึ้น ลวดลายของผ้าม่านสำหรับหน้าต่างที่มีขนาดกว้างนั้นควรเลือกใช้ผ้าม่านที่มีลวดลายในแนวตั้งก็สามารถช่วยให้หน้าต่างขนาดกว้างนั้น ดูแคบลงได้เหมือนกัน
ส่วนการเลือกผ้าม่านสำหรับหน้าต่างที่มีขนาดเล็ก ไม่ควรเลือกใช้ผ้าที่ลายดอกใหญ่ ๆ เพราะจะทำให้หน้าต่างยิ่งดูเล็กและแคบมากไปกว่าเดิม และไม่ควรใช้ผ้าม่านที่มีความยาวจนเกินไปจะทำให้ดูรุ่มร่ามและไม่สวยงาม

การเลือกผ้าม่านสำหรับหน้าต่างที่มีขนาดสูง ควรเลือกใช้ผ้าม่านที่มีความกว้างมากกว่าขอบหน้าต่าง ลวดลายที่ใช้ควรเป็นลวดลายในแนวนอน เพื่อช่วยลดความสูงของหน้าต่างลง และหากสามารถเลือกใช้ผ้าม่านที่มีลักษณะพิเศษเพื่อเป็นการดึงความสนใจไปยังจุดเหล่านั้นแทน เช่น ผ้าม่านที่มีขอบอยู่รอบด้านนั้นจะช่วยทำให้หน้าต่างดูกว้างขึ้นได้

คนรักบ้านพอมีเวลาเลือกซื้อเลือกหาผ้าม่านมาตกแต่งเพื่อสร้างบรรยากาศใหม่ ๆ ให้กับบ้าน ที่สำคัญก็อย่าลืมดูที่ความเหมาะสมและประโยชน์ใช้สอยรวมทั้งการดูแลรักษาไปพร้อม ๆ กับความชอบพอในผ้าม่านแบบต่าง ๆ ด้วยนะค่ะ นอกจากจะเพิ่มความสวยงามให้กับบ้านแล้ว ยังช่วยแก้ไขจุดบกพร่องของหน้าต่างบ้านของแฟน ๆ คนรักบ้านได้อีกด้วย


ที่มา: thaijudsun.com

วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2556

เทคนิคดีๆในการเลือกผ้าม่าน


เทคนิคดีๆในการเลือกผ้าม่าน

การเลือกผ้าม่านให้สวยสิ่งที่สำคัญ คือ ผ้าม่านจะต้องเข้ากับบ้าน หรือเข้ากับการตกแต่งโดยรวมทั้งหมด ผ้าม่านไม่สามารถสวยเด่นอย่างเดียวโดยไม่เข้ากับองค์ประกอบอื่นๆได้ ส่วนหนึ่งมาจากการตกแต่งภายในบ้านให้ออกมาสวยตามที่เจ้าของบ้านต้องการ ดังนั้นการเลือกผ้าม่านให้สวยสิ่งที่จะต้องคำนึงถึง คือ

1.ภาพรวมการตกแต่ง เมื่อเสร็จแล้วจะต้องเข้ากัน หรือ ไปด้วยกันได้ หรือ อาจจะบอกเรียกอีกอย่างได้ว่า Style ของการตกแต่งไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้นการเลือกผ้าม่านจะต้องเลือก
สไตล์ของการตกแต่งเสียก่อน และ ค่อยเลือกผ้าม่านที่เข้ากับStyle การตกแต่งนั้นๆเช่น การตกแต่งบ้านสไตล์Modern ก็อาจจะเน้นใช้ผ้าม่านที่ดูเรียบๆ เก๋ สีสัน ที่มีความคอนทราส์ กับ สีอื่นๆ สูง เช่น การใช้สีดำ สี เทา สีขาว หรือสีสันจัดๆเฉาะจุดเป็นต้น
- การตกแต่งบ้านสไตล์ Contempolary อาจจะใช้ผ้าม่านที่ดูเป็นธรรมชาติเช่นผ้าฝ้าย หรือผ้าใหม โดยปกติการตกแต่งบ้านสไตล์นี้มักจะใช้ผ้าเรียบๆ(ไม่มีลาย) แต่มีแท๊กเจอร์(มีเอกลักษณ์ในผิวของผ้า) เช่นผ้าลายเปลือกไม้ ผ้าฝ้ายลายเส้นด้ายขวาง หรือ ผ้าใหมแบบปมใหมธรรมชาติเป็นต้น
- การตกแต่งบ้านสไตล์ Classic การแต่งผ้าม่านสำหรับการตกแต่งแบบนี้อาจจะเน้นผ้าม่านให้มีความหรูหราขึ้น กว่าปกติ ซึ่งทำได้หลายวิธี โดยการทำผ้าม่านแบบหัวหลุยส์ หรือการใช้ผ้าม่านสีทองเป็นต้น

2. ลักษณะของผ้าเหมาะกับการทำผ้าม่านแบบที่ต้องการทำหรือไม่ เนื่องจากผ้าที่ทำผ้าม่านมีลักษณะของโครงสร้างผ้าที่หลากหลายผ้าบางชนิดทำผ้าม่านแบบลอนสวย ผ้าม่านบางชนิดทำผ้าม่านแบบพับสวย ซึ่งวิธีการดูว่าผ้าแบบใดเหมาะกับการทำม่านแบบใดนั้นใช้วิธีการสำผัสผ้าและ ลองจับทรงผ้าม่านแบบที่ต้องการดูว่าผ้าแบบนั้นน่าจะทำแบบที่ต้องการได้ดี หรือไม่ หรือ อีกวิธีค่ะซึ่งง่าย และชัวร์กว่า คือ ถามผู้มีประสบการณ์คือคนขายผ้าม่านว่าผ้าแบบนี้เหมาะกับม่านแบบนี้หรือไม่

3.สีของผ้าม่าน โดยสีของผ้าม่านถือเป็นปัจจัยสำคัญมากที่จะทำให้ผ้าม่านออกมาสวยหรือไม่ แนวทางการเลือกสีคือ ให้เลือกสีของวัสดุตกแต่งต่างๆของบ้านหลักๆประมาณ 4 สี หรืออยู่ในช่วง 3-5 สี แต่ไม่ควรขาดและไม่ควรเกินค่ะ เพราะ ถ้าเราแต่งบ้านเพียง 2 สีบ้านจะดูจืด และจะทำให้เบื่อเร็ว หรือถ้าเราแต่งบ้านโดยใช้สี เกิน 5 สี อาจจะเยอะไปและรู้สึกว่าลายตาได้ การเลือกสีหลัก 4 สีจะทำให้เรารู้สึกว่ามี Moving ของสี

ที่มา : bloggang.com

วันอังคารที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2556

ทำน้ำตกบนกระจกตกแต่งบ้าน


เคยเห็นน้ำตกไหลผ่านกระจกที่มักตกแต่งตามสวนหรูๆ หรือในออฟฟิศบ้างไหม มีวิธีทำง่ายๆ เอาไว้สำหรับตกแต่งบ้านให้สวยงามดังนี้



สิ่งที่ต้องเตรียม



1. กระจก


- เลือกใช้กระจกที่หนา หรือกระจกนิรภัย ป้องกันการแตก หรือโดนกระแทก


- ถ้าใช้กระจกเปลือยขอบคงไม่ต้องห่วงเรื่องน้ำเข้าขอบแล้วรั่วออกข้างนอก แต่ถ้ามีขอบให้ทำการยิงซิลิโคนใสอุดไว้อีกชั้น


- ก่อนใช้งาน ให้ใช้ซื้อน้ำยาเคลือบกระจกรถยนต์  ทาก่อนเมื่อน้ำไหลมา ในส่วนที่โดนละอองน้ำจะไม่เกาะเป็นเม็ดๆ



2. ระบบน้ำไหล


- เครื่องปั้มน้ำขนาดเล็ก มี 2 ชนิด คือแบบวางในน้ำเลยมีตัวดูดน้ำเข้าอยู่ติดตัวเครื่อง และมีหัวส่งน้ำออกอีกหนึ่งหัวกับ ชนิดวางเครื่องด้านนอกจะมีหัวท่อสายออกมาเครื่อง 2 สายคือน้ำเข้า และ น้ำออก


- สายยาง เพื่อใช้ดูดน้ำเข้า


- ท่อพีวีซี ขนาด 6 หุน หรือน้อยกว่า ใช้เป็นท่อปล่อยน้ำออกด้านบน เจาะรูประมาณ4 มม. เว้นระยะห่างทุกๆ 3 ซม.


- หาที่กรองเศษ หิน ดิน ทราย เศษขยะต่างๆ ครอบที่หัวสายน้ำเข้า เพื่อป้องกันการอุดตัน



3. บ่อน้ำ


ความสูงประมาณ 40 – 60 ซม ระดับน้ำประมาณ 20 ซม. สำหรับบ่อปูน บ่อพลาสติก ควรตรวจสอบรอยรั่วให้แน่ใจ ถ้าไม่แน่ใจให้ยิงซิลิโคนใสรอบบ่อบริเวณร่องน้ำ หรือถ้าเป็นบ่อชั่วคราวให้ใช้ผ้าใบที่ซิลขอบด้วยความร้อนเพื่อป้องกันน้ำรั่วด้วยระดับน้ำหมุนเวียนนั้นต้องมากจนถึงขอบ เพราะเวลาน้ำไหลลงมามันจะกระเด็นออกนอกบ่อ ถ้าอยากจะให้สวยมากขึ้นลองหากรวดแม่น้ำขนาดต่างๆ กันมาโรยก้นบ่อก้อได้



หลังจากทำแล้วสามารถเพิ่มเติมรายละเอียดได้ เช่น


- ถ้าน้ำแรงไปให้เจาะรูเพิ่ม


- ถ้าน้ำกระเด็นมากไป ให้เสริมขอบ หรือ ปรับแนวท่อด้านบนที่ปล่อยน้ำออกมา ให้หมุนเข้าหากระจกมากขึ้น


- ถ้าเกิดน้ำรั่ว ให้ยิงซิลิโคนเพิ่ม ต้องเตรียมพื้นให้แห้งสนิทเสียก่อน


- ประดับไฟสีมาส่องน้ำตก จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจได้มาก







แหล่งที่มา : ออกแบบบ้าน.net

วันจันทร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2556

ตกแต่งบ้านแบบ Chinese Style


ตกแต่งบ้านแบบ Chinese Style

        ตกแต่งบ้านให้สวยแบบจีน ด้วยการเลือกเฟอร์นิเจอร์และตกแต่งส่วนต่าง ๆ ของห้องให้เข้ากันอย่างลงตัว

สี
ชาวจีนนิยมสีแดง  ทอง  ซึ่งตัดกับเครื่องเรือนทำด้วยไม้สีน้ำตาลเข้ม

ฝ้า เพดาน
อย่าใส่ลวดลายอะไรเข้าไปมาก เพราะเป็นจุดที่ต้องการความเบาและเรียบ ยิ่งถ้าใครมีบ้านที่ฝ้าเพดานต่ำอยู่แล้ว พยายามให้เรียบง่ายไว้ อาจจะใส่ลวดลายนิดหน่อยตามบัวเชิงฝ้าเพดานได้แต่ต้องตัดทอนลวดลายให้เบาขึ้น

ผนัง
การตกแต่งผนังทำได้สองแนว ทาง คือ ใช้วอลล์เปเปอร์ที่ลวดลายจีนปิดในบางด้านของห้อง เช่น ผนังที่ต้องการโชว์ หรือใช้วัสดุอื่น ๆ เช่น ไม้แกะลายบางจุดของผนัง หรือใช้กระจกเงาแกะลายกรุผนัง แต่ห้ามกรุหรือปิดลายจีนทั้งห้อง

เฟอร์นิเจอร์
ชุดรับแขก โซฟา ตู้ โต๊ะ เตียง  สไตล์จีน  สามารถใช้ได้ทั้งเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่มีรูปทรงจีน เฟอร์นิเจอร์ไม้แกะสลักหรือฝังมุกลงรัก  หรือไม้ไผ่ที่ให้ความเป็นธรรมชาติ เฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน จะเป็นส่วนที่สามารถสอดแทรกความเป็นวัฒนธรรมเข้าไปได้มากที่สุด เพราะ มีรายละเอียดค่อนข้างมาก เช่น บริเวณใต้ท๊อปตู้หรือคอตู้ก็สามารถประยุกต์เอาลายจีนเข้าไปได้ หรือจะเป็นลายกรอบกระจกเงาในห้องแต่งตัวหรือห้องน้ำ รวมไปถึงหน้าบานตู้โชว์ที่เป็นกระจกใสก็สามารถแกะลายใส่เข้าไปได้ บางจุดของบานตู้เสื้อผ้า , ตู้เก็บของที่เป็นไม้ก็สามารถใส่ลวดลายจีนเข้าไปได้ เช่น มุมของบานตู้ หรือกรอบบาน รวมถึงวัสดุอื่นที่สามารถนำมาผสมผสานได้ เช่น ลายของผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ , ผ้าม่าน , หิน , กระเบื้อง ทั้งส่วนที่เป็นพื้นและผนัง

ของตกแต่งห้อง
ตุ๊กตาจีน ภาพเขียนพู่กันจีน ของตกแต่งประเภทเครื่องลายคราม ภาชนะต่างๆ ทำจากกระเบื้องสีขาว เขียนลวดลายสีครามแบบจีน ทำให้ห้องดูมีของโบราณที่ทรงคุณค่า  บ่งบอกถึงวัฒนธรรมอันยาวนานของชาวจีน   เมื่อพูดถึงการตกแต่งบ้านในสไตล์จีน คงหนีไม่พ้นเรื่องของ "ฮวงจุ้ย" เข้ามาเกี่ยวข้อง มีของตกแต่งบ้านที่ถือเป็นมงคลตามความเชื่อของหลักฮวงจุ้ย เช่น ต้นไม้อัญมณี : เพิ่มความมั่งคั่งให้แก่เจ้าของ ทำให้เงินทองไหลมาเทมา,เรือสำเภา : นำพาโชคลาภเข้าสู่บ้าน,ลูกโลกคริสตัล : การตั้งลูกแก้วคริสตัลไว้ในบ้านจะช่วยส่งเสริมพลังชี่ให้ดียิ่งขึ้น ยิ่งเป็นลูกโลกด้วยแล้วจะทำให้กว้างไกล โดยเฉพาะการค้าสู่ต่างแดน,ผลฟัก : เสริมสิริมงคลและความร่ำรวยแก่เจ้าของบ้าน เงินทองเต็มบ้าน,กระดิ่งลม : ปรับสมดุลของพลังชี่ ปรับการไหลเวียนแห่งการเงินเพิ่มโชคลาภ  เป็นต้น




แหล่งที่มา : www.thaihomeonline.com

วันเสาร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2556

การติด Wallpaper ด้วยตนเอง


1. วัดขนาดพื้นที่ - วัดความสูงและความยาวของผนังห้อง เพื่อเตรียม Wallpaper


- ถ้าต้องการติด wallpaper ที่เพดาน ให้คำนวณจากพื้นที่ของพื้น


- นำพื้นที่ที่ได้ ไปหารด้วยพื้นที่ต่อม้วนของกระดาษ เพื่อจะได้จำนวนม้วนที่ต้องใช้ ควรเตรียมเศษเผื่อไว้ 15 เปอร์เซนต์


2. เตรียมผิวผนัง


- ขัดพื้นผิว และทำความสะอาด ถ้าพื้นผิวไม่เรียบ โป๊ด้วยยิบซั่ม เพื่อให้ Wallpaper ติดผนังได้เรียบ


3. กำหนดจุดเริ่มและจบของแผ่น Wallpaper- หาจุดศูนย์กลางห้องเช่น หัวเตียง ให้เริ่มติดกลางแผ่นแรกที่จุดศูนย์กลางนั้น


- สำหรับห้องที่ไม่มีจุดศูนย์กลางให้ติดแล้วเหลือเศษที่มุมลับสายตา


4. เตรียม Wallpaper- วัดความยาวระหว่างเพดานถึงขอบบนของบัวพื้น+ส่วนที่ต้องเหลื่อมลาย+สำหรับเล็มขอบประมาณ 10 ซม.


5. ทากาว - ใช้กาวสำหรับติด Wallpaper โดยใช้ลูกกลิ้งทาที่ Wallpaper ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที


- สำหรับ Wallpaper ที่ติดกาวสำเร็จรูปในตัว ต้องจุ่มน้ำ เพื่อให้กาวมีความเหนียว


6. ติด Wallpaper


- กำหนดแนวเริ่มต้น โดยใช้ไม้บรรทัดระดับน้ำทาบกับผนัง ตีเส้นในแนวตั้ง


- ติด Wallpaper ที่ผนังเริ่มจากเพดานโดยติด Wallpaper เหลื่อมไปบนเพดานแล้วรีดขอบสัน


ให้เรียบ ใช้คัตเตอร์ตัดส่วนที่เหลื่อมออก และติดตามแนวเส้นที่ทำไว้


- ใช้แปรงรีดฟองอากาศ โดยเริ่มจากส่วนกลาง Wallpaper ออกมาที่ขอบ


และรีดจากส่วนบนลงมาข้างล่าง


- สำหรับ Wallpaper ที่ดุนลาย อย่ารีดกระดาษแรงเกินไป เพราะลายนูนอาจถูกกดจนแบน



ที่มา: bloggang.com

วันศุกร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2556

เคล็ดลับการดูแลบ้าน


1. โรงรถมีกลิ่นอับมาก จะขจัดกลิ่นออกได้โดยโรยหญ้าที่เพิ่งตัด มาใหม่ๆ ลงบนพื้นโรงรถ แล้วปล่อยทิ้งไว้สักระยะหนึ่ง ต้นหญ้าจะดูดเอากลิ่นอับในโรงรถออกไปจนหมด

2. ถ้าต้องการอบผ้า2-3 ชิ้นให้แห้งเร็วขึ้นทำได้โดยหาผ้าขนหนูสะอาดๆใส่ลงไปในเครื่องด้วยเพราะผ้าขนหนูจะไปช่วยดูดซับความชื้นทำให้ผ้า แห้งเร็วขึ้นอีก
3. วิธีทำให้กรอบกระจกเงา หรือกรอบกระจกรูปภาพมองดูใหม่ เสมอ
ทำได้โดยการใช้ผ้าชุบน้ำมันสนแล้วทาบริเวณกรอบไม้รอจนแห้งสนิท กรอบจะมองดูใหม่ทันที

4. วิธีล้างคราบสกปรกที่แก้วเจียระไน
ทำง่ายๆคือหาเปลือกฝรั่ง ใส่ลงไปในแก้วเจียระไน แช่ทิ้งไว้สัก 2-3 ชั่วโมง แล้วล้าง ด้วยน้ำสะอาด เพี
5. วิธีทำความสะอาดเครื่องเคลือบที่ทำด้วยทองเหลือง มีวิธีการทำง่ายๆ คือนำเอาหัวหอมมาต้มในน้ำเดือด แล้วนำมาขัดลงบนเครื่องเคลือบเพียงเท่านี้เครื่องเคลือบจะมองดูใหม่สะอาดหมดจดทีเดียว

6. วิธีการขจัดคราบไขมันที่ติดรอบท่ออ่างล้างจาน
ซึ่งถ้าปล่อยไว้นานๆจะเป็นเหตุให้ท่ออุดตันได้ มีวิธีทำคือนำเกลือแกงใส่ลงไปในท่อ 2-3ช้อนจากนั้นนำเบกกิ้งโซดาหรือผงฟูต้มน้ำให้ เดือดแล้วเทลงไปไขมันที่อุดตันก็จะหลุดออกไปหมด

7 . วิธีขจัดพวกมดแมลงมาขึ้นถังขยะ
ทำได้ง่ายๆโดยหยดแอมโมเนีย ลงข้างๆ ถังขยะ สักเล็กน้อย กลิ่นแอมโมเนียจะทำให้มดแมลง ไม่กล้าเข้ามาใกล้ถังขยะอีก

8. การรักษาเครื่องมือทำสวนที่เป็นโลหะไม่ให้ผุกร่อนได้ง่าย
มีวิธีการรักษาโดยใช้วาสลินทาผิวของโลหะทุกครั้งเมื่อใช้เสร็จแล้ว และนำมาทำความสะอาดอีกครั้ง

9.การใช้เตาแก๊สแบบประหยัดทำได้โดยปรับเปลวไฟให้
เป็นสีน้ำเงินเสมอ และไม่ควรเปิดไฟแก๊สให้สูงกว่าก้นหม้อด้วย

10.วิธีดับกลิ่นเหม็นในถังขยะไม่ว่าจะเป็นหน้าบ้านหรือในบ้าน
ให้หมดกลิ่นได้ ทำได้โดยใส่เปลือกมะนาว หรือเปลือกส้มเขียวหวานส้มโอก็ได้ ใส่ลงไปในถังขยะ กลิ่นส้มจะไปลดกลิ่นลงทำให้มีกลิ่นน้อยลง

11. การขัดรอยแมลงวันบนกระจก
มีเคล็บลัดคือ ใช้ผงกาแฟคั่วหนึ่งช้อน ผสมกับน้ำมันก๊าดหนึ่งลิตร และใช้เศษผ้าชุบเช็ดกระจกรอยแมลงวัน ก็จะหมดไป

12. หากต้องการทาสีห้องใหม่
แต่กลัวว่าห้องจะมีแต่กลิ่นเหม็น ของสี อยู่หลายวัน มีวิธีขจัดกลิ่นเหม็นของสีคือก่อนจะทาสี ให้ผสมน้ำวานิลลา 1 ช้อนชาต่อสี 1 แกลลอนคนให้เข้ากัน แล้วจึงนำไปทาห้องสีที่ทาใหม่จะไม่มีกลิ่นเหม็นเป็นเด็ดขาด
13. วิธีการป้องกันไม่ให้ถุงในเครื่องดูดฝุ่นโดนแมลงกัดเป็นรู
คือ นำการบูร หรือลูก เหม็นใส่เข้าไปในถุงดูดฝุ่นสัก 1 ก้อน นอกจากป้องกันแมลง แล้วยังป้องกันกลิ่นอับอีกด้วย

14. แก้ปัญหายุงไปไข่ทิ้งไว้ในแท็งก์น้ำ ทำให้มีลูกน้ำ ว่ายวนอยู่ในแท็ง
มีวิธีทำคือ นำอิฐแดงๆ ที่ใช้ในการ ก่อสร้างมาเผาไฟให้ร้อนๆแล้วเอาใส่ลงไปในแท็งก์น้ำทันที เพียงเท่านี้ยุงจะไม่กล้าเข้าไปไข่ทิ้งไว้อีกเลย
15. วิธีกำจัดต้นหญ้าที่ขึ้นไม่ถูกที่
ทำได้โดยใช้เกลือโรยตรงส่วนที่ ต้นหญ้าขึ้น เหตุเพราะเกลือจะไปทำให้ดินตรงที่ต้นหญ้าขึ้นอยู่เค็มจึงทำให้ต้นหญ้าตายในที่สุด

16. น้ำประปาที่มีกลิ่นคลอรีนแรงมาก
มีวิธีกำจัดกลิ่นให้หมดไปโดยฝานมะนาวบางๆลงไปในน้ำ มะนาวจะช่วยดูดกลิ่น คลอรีนให้หมดไป และทำให้น้ำดื่ม
ได้อีกด้วย
17. ขอบยางประตูตู้เย็นมีราขึ้น
จะมีวิธีลบราออกได้โดยใช้ผ้าชุบ น้ำส้มสายชูแล้วนำ ไปถูตรงขอบยางประตูตู้เย็นที่เป็นรา ราก็ออกไปได้โดยง่ายดาย

18.ขจัดปัญหาหมาแมวฉีและอุจจาระไม่เลือกที่ทำได้โดยการโรยพริกไทย ป่นลงไป บนที่มันเคยฉี่หรืออุจจาระไว้ เพียงเท่านี้หมา แมวก็จะดมกลิ่น หาที่ที่มันเคยฉี่และ อุจจาระไม่เจอ เหตุเพราะพริกไทยป่นจะไปดับกลิ่น หมด ทางที่ดีควรสอนให้มันฉี่และอุจจาระ ในห้องน้ำ หรือบนกระดาษที่เราควรจะวางไว้จนเคยชิน
19. การรักษาไม้กวาดดอกหญ้าที่ซื้อมาใหม่ให้ใช้ไปได้นานๆ
ทำได้โดยการจุ่มไม้กวาด ดอกหญ้าในน้ำเกลือร้อนๆ ขนของไม้กวาดจะเกาะตัวกันเวลาใช้จะทนทานไม่ขาดง่าย

20. ตะปูที่ตอกไว้ข้างฝาคอนกรีตสำหรับแขวนรูปหลวม
มีวิธีแก้ไขง่ายๆ คือ ใช้สำลีพันตะปูชุบกาวและตอก เข้าไปใหม่ กาวที่สำลีจะยึดติดกันแน่น
21.วิธีการขจัดกลิ่นเหม็นสาปที่ติดอยู่ในกระติกน้ำแข็ง
ทำได้โดย นำเบกกิ้งโซดามาผสม กับน้ำร้อน และนำมาล้างถูกระติกน้ำ ให้ทั่ว แล้วล้างน้ำอีกครั้งกลิ่นสาปก็จะหายไป

22. วิธีการเก็บสายยางที่ยาวไว้โดยไม่เปลืองเนื้อที่
ทำได้โดยม้วนสอดเข้าไป ในยางรถ ยนต์อันที่ไม่ใช้แล้ว เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย
23. ขจัดปัญหากลิ่นส้วมเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบ้าน
คือใช้นำมันก๊าดประมาณ 1 ขวดใหญ่ มาเทราดลงไปในคอห่านแล้วเทน้ำตามลงไปเพื่อขจัดกลิ่นน้ำมันก๊าดให้หมด

24. วิธีป้องกันหมาแมวตัวโปรดมากัดแทะเฟอร์นิเจอร์ในบ้านคือ ใช้น้ำมันยูคาลิปตัส หรือน้ำมันที่มีกลิ่นฉุนทาที่เฟอร์นิเจอร์ กลิ่นฉุนนั้นจะทำให้มันไม่กล้าเข้ามากัดแทะอีก
25. วิธีขจัดรอยเปื้อนด่างดำบนเครื่องใช้ที่เป็นหนัง
คือ หยดน้ำมันสลัดสัก 2-3 หยด ในน้ำสบู่ แล้วใช้แปรงจุ่มน้ำที่ผสมไว้มาถู จากนั้นจึงซักใน น้ำสบู่ธรรมดาอีกครั้ง แล้วล้างด้วยน้ำเย็น ต่อด้วยเช็ดให้แห้งผึ่งลมไว้

26. วิธีการดึงสติกเกอร์ที่ติดอยู่บนฝาห้องออกโดยไม่ทิ้งคราบกาวไว้ ที่ฝา
ทำได้โดยใช้น้ำมันพืชมาทาบนรูปสติกเกอร์ แล้วจึงค่อยๆ ดึงออกมา
27. การใช้เครื่องซักผ้าแบบประหยัดที่สุด
คือในการซักผ้าแต่ละครั้ง ควรจะซักผ้าในปริมาณที่มากที่สุด

28. การทำให้ตู้เสื้อผ้าของคุณหอมได้
โดยที่ไม่ต้องเปลืองเงินซื้อ มาใส่ เพียงแต่คุณใช้เศษสบู่ที่จะทิ้งแล้วไปวางไว้ในมุมใดมุม หนึ่งของตู้ กลิ่นสบู่นั้นก็จะหอมไปทั่วตู้เลย
29. วิธีทำความสะอาดภาชนะอลูมิเนียมให้ใสสะอาดเหมือนใหม่
คือ นำเอาเปลือกแอปเปิ้ล ต้ม 2-3 นาที แล้วใช้น้ำขัดถูภาชนะ อะลูมิเนียมก็จะดูเงาวามเหมือนใหม่

30. วิธีการใช้เตาอบให้ใหม่อยู่เสมอ
คือ หลังจากใช้เตาอบแล้ว ควรเช็ดทำความสะอาดทุกครั้ง และทำในขณะที่เตายัง อุ่นๆ อยู่ เพราะจะเช็ดได้ง่ายกว่าในขณะที่เย็นแล้ว
31.วิธีขจัดรอยคราบเหนียวบนผนังตู้เย็น
คือ ใช้น้ำมันพืชเทลงบน กระดาษเช็ดมือ แล้วถูจนสะอาด ทำสัก 2-3 ครั้ง น้ำมันพืชจะ ไม่ทำลายความเงาของตู้เย็นหรอก

32. วิธีขจัดกลิ่นเหม็นของท่อระบายน้ำล้างจาน ให้หอมสดชื่นคือ เทเบกกิ้งโซดา 1 ถ้วย ลงไปในท่อระบายน้ำทิ้งไว้ 5 น้ำส้มสายชูตามลงไปอีก 1ถ้วย จะขจัดกลิ่นเหม็นได้ดีจริงๆ

33. ในการใช้ยาขัดเฟอร์นิเจอร์
ไม่ควรใช้ประเภท เช่น น้ำมัน ขี้ผึ้ง บ่อยๆ เพราะอาจจะทำให้ผิวเฟอร์นิเจอร์เกิดความเสียหายได้ง่าย

34. ในการทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นผ้าฝ้าย
ให้ใช้แปรงทาสี ด้ามใหม่ปัดตามซอกมุมเฟอร์นิเจอร์ไปพร้อมกันกับการทำความ สะอาดเฟอร์นิเจอร์ทุกครั้ง
35. การทำความสะอาดในซอกเล็กซอกน้อยของโคมไฟ
ให้ใช้เครื่อง เป่าผม เป่าลมไปตาม ที่มีฝุ่นละอองจับแล้วเช็ดถูทำความสะอาดด้วยผ้าชุบน้ำอีกครั้ง โคมไฟก็จะดูใหม่เสมอ

36. วิธีลบคราบดวงๆ ที่ติดบนเฟอร์นิเจอร์
คือ ให้ใช้จุกไม้ก๊อกถู ถ้าไม่ออกให้ใช้นิ้วมือแตะยาสีฟันผสมขี้เถ้าบูหรี่ถูอีกครั้ง จากนั้นใช้ ผ้าชุบน้ำเช็ดรอยเปื้อนซ้ำอีกครั้ง
37. การทำความสะอาดพื้นกระเบื้องยาง
คือ ใช้แปรงสีฟัน ชุบยาสีฟัน แล้วนำไปขัดถูบริเวณรอยเปื้อนให้แรงๆ จะทำให้ รอยเปื้อนหลุดออกไปได้โดยง่าย

38. วิธีการตอกฝาผนังตะปูโดยไม่ให้งอ
คือ ให้ทาปลายตะปูด้วย น้ำส้มสายชูหรือน้ำมันพืช ก่อนที่จะนำมาตอกฝาผนัง จะตอกได้คล่องและไม่งอจริงๆ
39. วิธีการทาสีกำแพงให้ติดอยู่ได้ทนนาน
คือ ก่อนที่จะทาสีกำแพง ให้ล้างกำแพงให้สะอาด ด้วยน้ำมันสนเพื่อขจัดคราบสกปรกและสี ที่ทาจะติดทนนานไม่ร่อนออกง่าย

40. วิธีแก้ปัญหาเฟอร์นิเจอร์ไม้โป่งออกมา
คือ ให้วางผ้าชื้นๆ ลงบน รอยที่โป่ง ใช้เตารีดร้อนๆ ทับบนผ้า จะทำให้คืนสู่สภาพเดิม
41.วิธีขจัดรอยขีดข่วนบนเฟอร์นิเจอร์ไม้
คือ ให้ใช้ผ้าแตะยาขัด รองเท้าที่สีเดียวกับไม้ แล้วถูตรงรอย แล้วใช้ผ้าขัดต่ออีกครั้ง รอยขีดข่วนก็จะหายไป

42. วิธีการแก้ปัญหาเก้าอี้หวายหย่อน
คือ ถ้าอยากให้ตึงให้ล้างเก้าอี้ หวายด้วยน้ำสบู่ร้อนๆ แล้วล้างน้ำสบู่ออก นำออกตากแดดกลาง แจ้งให้แห้ง หวายที่หย่อนจะตึงเหมือนเดิม
43. วิธีการทำความสะอาดพื้นบ้านไม้ให้เงางามอยู่เสมอ
คือ ให้ผสม น้ำส้มสายชูครึ่งถ้วยต่อน้ำ 8 ลิตร จะช่วยขจัดเศษฝุ่นละออง และพื้นก็เป็นเงางามอีกด้วย

44. การรักษาเฟอร์นิเจอร์โลหะไม่ให้เป็นสนิมได้ง่าย
คือให้เคลือบ โลหะด้วยขี้ผึ้งขัดรถ เมื่จำเป็นต้องเอาเฟอร์นิเจอร์โลหะ ไว้ตากน้ำค้าง จะได้ไม่ขึ้นสนิมได้ง่าย
45. วิธีการติดรูปโปสเตอร์บนกำแพงโดยไร้ร่องรอยเมื่อดึงภาพออก
คือ ให้ใช้ยาสีฟันแทนกาวในณะที่ติดรูป เมื่อถึงเวลาดึงรูปออก ก็เพียง แค่ขัดยาสีฟันที่แห้งออกเท่านั้น ฝาผนังก็สะอาดแล้ว

46. ถ้าบังเอิญต้องจัดงานเลี้ยงที่มีฟลอร์เต้นรำแบบกะทันหัน
ทำได้ โดยโรยแป้งผงสำหรับ โรยตัวให้ทั่วก็จะแก้ขัดไปได้ด้วยดีทีเดียว
47.วิธีแก้ปัญหาหน้าต่างปิดและเปิดออกได้ยากคือ ให้เอาน้ำมัน เครื่องหยอดตรงราง อลูมิเนียมให้ทั่วเพียงเท่านี้ก็จะทำให้เปิด และปิดได้ง่ายขึ้นกว่าเก่า

48. วิธีป้องกันไม่ให้มดขึ้นตู้กับข้าว
คือใช้เศษผ้าหรือเชือกที่เป็นผ้าไปชุบน้ำมันเครื่อง แล้วบิดพอหมาด นำไปผูกไว้ที่ขาตู้กับข้าวทั้งสี่ขา มดก็จะไม่กล้าขึ้นแน่นอน
49. วิธีการไล่ยุงแบบง่ายๆ
คือหาการบูรมาห่อด้วยผ้าแล้วมัดไว้กับ หลอดไฟฟ้าที่อยู่ภายใน บ้าน ความร้อนของไฟฟ้าจะทำให้การบูรระเหยออกไปและกลิ่นของการบูรจะช่วยป้องกันยุง ไม่ให้มารบกวน

50. วิธีการไล่หนูแบบง่ายๆ และประหยัดเงินคือ นำไม้ยี่โถไป ตากแดดให้แห้ง แล้วนำไปบดเป็นผง เสร็จแล้วนำไปโรย ตามซอกที่หนูชออยู่ เพียงเท่านี้หนูก็พากันขนย้ายครอบครัวหนีออกไปจากบ้านของคุณไปเลย

แหล่งที่มา : topicstock.pantip.com

เทคนิคดีๆในการเลือกวอลเปเปอร์ ให้เหมาะกับห้อง


วอลเปเปอร์แบบไหนที่เหมาะกับห้อง

วอลเปเปอร์ทำจากวัสดุหลากหลายชนิดด้วยกัน แต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติแตกต่างกันซึ่งก็เหมาะกับผนังห้องแต่ละห้องที่แตกต่างกันไป

ตัวอย่างชนิดของวอลเปเปอร์

- วอลเปเปอร์ผ้า ดูอ่อนนุ่ม สวยงาม เหมาะกับห้องที่ไม่พลุกพล่าน เช่น ห้องนอน หรือห้องผนังผิวไม่เรียบ แต่ข้อจำกัดคือ ราคาแพง ไม่ทนทาน

- วอลเปเปอร์แผ่นฟอยล์ ดูหรูหรา เหมาะกับพื้นที่เล็กๆ แต่มีราคาแพง ไม่ทนทาน ติดตั้งยาก

- วอลเปเปอร์กระดาษ มีลวดลายงดงามให้เลือกมากมาย ติดตั้งสะดวก แต่มีปัญหาในการทำความสะอาด เพราะกระดาษซับน้ำได้ง่าย จึงไม่ควรเลือกวอลเปเปอร์ที่เป็นกระดาษอย่างเดียว แต่ควรเคลือยไวนิล บุผ้าด้านหลังด้วย จะทำความสะอาดง่ายกว่า

- วอลเปเปอร์ไวนิล ถ้ามองในแง่ของการทำความสะอาดแล้ว ไวนิลถือเป็นวัสดุพลาสติกที่ช่วยขจัดปัญหาเรื่องความเปียกชื้น คราบน้ำมัน หรือคราบฝุ่นเกาะ เพราะไวนิลทำความสะอาดง่าย เพียงใช้ฟองน้ำชุบน้ำสบู่เช็ด คราบเลอะๆก็จะหมดไป นอกจากนี้ไวนิลยังมีความทนทาน ติดตั้งง่าย จึงเหมาะกับบริเวณที่ต้องใช้งานมาก โดยเฉพาะ ห้องครัว ห้องนั่งเล่น เป็นต้น

วอลเปเปอร์ ทำจากเส้นใยสังเคราะห์ มองจากภายนอกคล้ายผ้า สามารถใช้ได้ทั้งส่วนของผนังและเพดาน มีส่วนช่วยป้องกันความร้อน สามารถใช้ได้กับทุกห้อง ยกเว้นห้องน้ำและห้องครัว เนื่องจากเป็นห้องที่มีความชื้นสูง อาจทำให้วอลเปเปอร์หลุดร่อนหรือขึ้นราได้

วอลเปเปอร์ที่ใช้กันใน ปัจจุบันมี 2 ชนิดให้เลือก คือ วอลเปเปอร์แผ่นเรียบหรือ "ไวนิล" มีลักษณะเรียบไปกับพื้นผนัง ส่วนอีกชนิดหนึ่งคือ วอลเปเปอร์ชนิดเนื้อโฟม มีลักษณะหนา ลวดลายนูนออกมา และสามารถเก็บเสียงได้มากกว่าวอลเปเปอร์ชนิดไวนิล สำหรับการตัดสินใจเลือกซื้อวอลเปเปอร์ย่อมต้องคำนึงถึงคุณสมบัติที่ต่างกัน วอลเปเปอร์ชนิดไวนิล มีอายุการใช้งานที่ยาวนานและทำความสะอาดง่าย แต่หากต้องการเปลี่ยนวอลเปเปอร์ภายในระยะเวลา 1-3 ปี ก็สามารถรื้อปูใหม่ได้ง่าย ส่วนวอลเปเปอร์ชนิดเนื้อโฟม จะมีลวดลายที่เหมือนจริง แม้ว่ามีราคาถูกกว่าแต่ทำความสะอาดได้ยากกว่า และมีอายุการใช้งานเพียง 5-6 ปี

การเลือกวอลเปเปอร์ให้เข้ากับ บรรยากาศของห้องต่าง ๆ นั้น หากต้องการให้ห้องที่มีบรรยากาศคลาสสิกให้เลือกวอลเปเปอร์ที่มีลวดลายมาก ๆ เช่น ลายดอกไม้หรือลายเครือเถา แต่ถ้าต้องการห้องที่มีการประยุกต์ใช้งานได้หลายรูปแบบให้เลือกวอลเปเปอร์ที ่มีลวดลายอ่อนช้อย
สำหรับห้องที่มีความทันสมัยให้เลือกวอลเปเปอร์ที่ไม่มีลวดลาย

นอกจาก ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งของวอลเปเปอร์ต่อตารางเมตรทั้งสองประเภทนี้มีความแตก ต่างกันแล้ว ยังขึ้นอยู่กับค่าติดตั้งซึ่งบางแห่งไม่รวมค่าติดตั้ง
การคำนวณพื้นที่เพื่อประมาณการค่าใช้จ่ายนั้นขึ้นอยู่กับการตกลงกันเบื้อง ต้น สามารถคำนวณได้ 2 วิธี คือ การคำนวณตามพื้นที่โดยนำความกว้างคูณความสูงของด้านนั้น ๆ แล้วนำพื้นที่ที่ได้มาคูณกับราคาค่าใช้จ่ายต่อตารางเมตรที่ทางบริษัทผู้ขาย วอลเปเปอร์กำหนดไว้ อีกวิธีหนึ่งคือ คำนวณตามการใช้สินค้าจริงเป็นม้วน อย่างไรก็ตามการติดตั้งอาจใช้มากกว่าพื้นที่จริงประมาณ 10-20 % แล้วแต่ลวดลาย หากว่าต้องการรื้อวอลเปเปอร์เดิมที่ติดอยู่บนผนัง ทางบริษัทผู้ขายวอลเปเปอร์จะคิดค่าใช้จ่ายในการรื้อด้วย

ที่มา :bloggang.com

วันพุธที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2556

ความรู้ดีๆ เกี่ยวกับเลือกผ้าม่านให้เหมาะสมกับการใช้งาน


วิธีเลือกซื้อผ้าม่าน ให้เหมาะสม ต่อการใช้งานในบ้าน

    1. ก่อนที่เราจะเลือกซื้อผ้าม่านมาติดที่บ้านนั้น เราต้องดูก่อนว่า เราต้องการซื้อผ้าม่านมาติดเพราะอะไร เช่น ป้องกันแสงแดด, แยกความเป็นส่วนตัวของห้อง, ติดเพื่อความสวยงาม
    2. เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ว่าจะติดผ้าม่านเพราะอะไร จากนั้น ก็ให้เลือก โทนสี ไว้ในใจ อาจจะเลือกสีที่เราชอบ, สีที่เข้ากับห้อง,
       - เทคนิค การเลือกผ้าม่าน ให้เข้ากับหน้าต่างในบ้าน
               * ให้สังเกตลวดลายของผ้ากับหน้าต่าง เช่น หน้าหน้าต่างกว้าง ควรเลือกลาย ที่เป็นลักษณะแนวตั้ง จะช่วยให้หน้าต่างแคบลง และควรแบ่งผ้าม่านออกเป็นช่อๆ เพื่อลดความกว้างของอย่าต่างได้อีกแนวทางหนึ่ง
               * ถ้าหน้าต่างเล็ก ไม่ควรเลือกดอกไม้ที่มีขนาดใหญ่ เพราะ จะทำให้หน้าต่างนั้น ดูแคบลงไปกว่าเดิมมาก
               * ถ้าหน้าต่างสูง ควรเลือกลายผ้าม่าน ในแนวขวาง เพื่อให้หน้าต่างดูเตี้ยลง ไม่สูงเกินไป
     3. จากนั้นให้เลือกผ้าม่าน ตามขนาด ความยาว ให้พอดีกับหน้าต่าง หรืออาจจะยาวกว่าหน้าต่างลงมานิดหน่อย (ขั้นตอนนี้ เราอาจจะ หาผ้าม่านมาติดเอง หรือจะเรียกให้ช่างมาติดให้ ตามแต่สะดวกค่ะ)
     4. หลังจากได้ผ้าม่านสวยๆ ติดรอบบ้านแล้ว อย่าลืมดูแลรักษาความสะอาดอยู่เสมอนะครับ เพราะที่ผ้าม่านนั้น เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคอย่างดีเลยค่ะ



ที่มา : http://www.cnxdesign.com/index.php?mo=5&qid=1058677

วันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2556

วิธีเลือกซื้อผ้าม่าน


การเลือกซื้อผ้าม่านเพื่อนำมาแต่งบ้าน เพื่อความสวยงามและป้องกันความร้อนจากแสงแดดแล้ว จะต้องพิจารณาที่ความเหมาะสมของสี ขนาดและลวดลายด้วย วันนี้เรามีวิธีการเลือกซื้อผ้าม่านมาบอก...

          เริ่มจาก หน้าต่างที่มีขนาดกว้าง  หากต้องการให้ขอบหน้าต่างดูแคบลง สามารถทำได้โดยใช้วิธีการแบ่งผ้าม่านออกเป็นช่อๆหลายๆส่วน ควรเลือกลวดลายผ้าม่านในแนวตั้ง ที่ช่วยให้หน้าต่าง ดูแคบลง 

          ส่วนหน้าต่างที่มีขนาดเล็ก ไม่ควรเลือกใช้ผ้าม่านที่มีลายดอกใหญ่ๆ เพราะจะทำให้หน้าต่างยิ่งดูเล็กและแคบมากไปกว่าเดิม 

          สำหรับหน้าต่างที่มีขนาดสูง ควรเลือกใช้ผ้าม่านที่มีความกว้างมากกว่าขอบหน้าต่าง ควรเลือกลวดลายในแนวนอน เพื่อช่วยลดความสูงของหน้าต่างลง 

ลองนำวิธีที่แนะนำไปใช้ดูได้



ขอบคุณที่มา :http://guru.thaibizcenter.com/articledetail.asp?kid=2406

แต่งห้องด้วย เฟอร์นิเจอร์บิลท์อิน


เฟอร์นิเจอร์แบบบิลท์อินนั้น เหมาะกับห้องที่ต้องการระเบียบและมีพื้นที่ใช้สอยที่ค่อนข้างจำกัด โดยทั่วไป นักออกแบบมักเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ประเภทนี้ในการแก้ปัญหาพื้นที่ห้องและต้อง การประหยัดเนื้อที่

          ห้องที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนักและมีปัญหาของเสาอาคารโผล่ขึ้นมาเกะกะในห้อง (ซึ่งเป็นผลจากการออกแบบของสถาปนิกและโครงสร้างอาคารที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยง ได้) หรือแม้กระทั่งห้องที่ต้องการตู้เก็บของมากมายให้เป็นระเบียบ มักจบลงด้วยการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์แบบบิลท์อินเป็นส่วนใหญ่

          การออกแบบเฟอร์นิเจอร์แบบบิลท์อินในบ้านที่สร้างใหม่นั้น ควรที่จะดำเนินการร่วมกันในช่วงออกแบบตัวบ้านครั้งแรก หรืออย่างน้อยๆก็ควรเป็นช่วงต้นๆในการก่อสร้างบ้าน เพราะการออกแบบส่วนเว้าของผนังห้องต่างๆในทางสถาปัตย์เพื่อรองรับ เฟอร์นิเจอร์บิลท์อินนั้นมีความสำคัญอยู่ไม่น้อย หรือแม้แต่เรื่องการแก้ไขช่องหน้าต่างเพื่อให้สอดคล้องกับเฟอร์นิเจอร์บิลท์ อินนั้น ก็ควรกระทำก่อนที่การก่อสร้างตัวบ้านจะเสร็จสิ้น

          รูปแบบของเฟอร์นิเจอร์บิลท์อินโดยมากจะนิยมสไตล์ที่เรียกว่า โมเดิร์น เนื่องจากสไตล์ดังกล่าวจะอาศัยพื้นฐานของความเรียบง่าย ดูสบายตา แต่ให้การใช้งานได้อย่างดี แต่ก็มีข้อน่าสังเกตอย่างหนึ่งในการก่อสร้างและตกแต่งภายในในจุดที่ว่า สิ่งที่เราคิดว่าเรียบง่าย ตรงไปตรงมา แลดูเหมือนจะสร้างจะทำง่ายๆนั้น กลับมีราคาค่าดำเนินการที่สูงกว่าที่คิดเสมอครับ เป็นต้นว่า โต๊ะแบบลอยตัวที่แลดูเหมือนจะสร้างง่ายๆจากการตัดไม้ไม่กี่ชิ้นมาประกอบรวม กันอย่างง่ายๆ ไม่มีบัวประดับประดาตามขอบให้มันวุ่นวายนั้น เอาเข้าจริงๆกลับมีราคาแพงกว่าโต๊ะที่ดูแพรวพราวกว่า คำตอบก็คือ ของที่เรียบง่ายแต่ดูดีนั้น มักเกิดจากการใช้วัสดุหรือวัตถุดิบที่ดี และฝีมือที่ประณีตพิถีพิถันนั่นเอง

          สำหรับคุณที่ตัดสินใจเลือกเฟอร์นิเจอร์ประเภทนี้ มีสิ่งหนึ่งที่พึงรำลึกไว้ก็คือ เฟอร์นิเจอร์บิลท์อินนั้นเมื่อทำขึ้นมาแล้ว จะโยกย้ายเปลี่ยนแปลงไม่ได้ง่ายๆและบ่อยครั้งที่การโยกย้ายหมายถึงการจำต้อง รื้อทิ้งโดยปริยาย

          นอกจากนั้น ปัญหาหนี่งที่มักเกิดขึ้นเสมอก็คือคุณภาพงานฝีมือของช่างเฟอร์นิเจอร์ไม่ได้ มาตรฐาน ทำให้งานไม่ได้คุณภาพตามที่ท่านเจ้าของบ้านคาดหวังไว้ เพราะขณะที่เจ้าของบ้านสั่งทำเฟอร์นิเจอร์บิลท์อินนั้น เจ้าของบ้านยังไม่สามารถเห็นสิ่งที่ตนเองสั่งให้ทำนั้นว่ามีความสวยงามและ เรียบร้อยเพียงใด นอกจากเห็นภาพจากแบบของผู้ออกแบบเท่านั้นเอง ซึ่งกว่าจะเห็นว่าสิ่งนั้นสวยงามดีหรือไม่ ก็คือตอนที่ช่างเฟอร์นิเจอร์ส่งงานขอเบิกเงินจากเจ้าของ…ซึ่งตรงนี้แหละที่ มักเป็นกรณีพิพาทกันระหว่างผู้ว่าจ้างและผู้รับเหมาอยู่เสมอ

          ในปัจจุบัน มีเฟอร์นิเจอร์แบบบิลท์อินที่ถูกสร้างขึ้นจากโรงงาน เป็นงานประเภท mass product สร้างขึ้นโดยใช้เครื่องจักร จึงมีความเรียบร้อยสวยงามเป็นมาตรฐาน เจ้าของบ้านสามารถเลือกพิจารณาในการซื้อได้คล้ายกับเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว ซึ่งเมื่อเจ้าของบ้านได้เห็นและสั่งซื้อ ขั้นตอนที่เหลือก็เพียงแค่การติดตั้งเท่านั้น

          ในส่วนความคิดที่ว่า เฟอร์นิเจอร์แบบบิลท์อินจะมีราคาถูกกว่าแบบลอยตัวนั้น ก็มิใช่เช่นนั้นเสมอไป เพราะค่าแรงในการทำงานนั้นแตกต่างกันไปตามลักษณะงานและระดับฝีมือของช่าง ช่างเฟอร์นิเจอร์จะคิดค่าวัสดุ ค่าสี และระยะเวลา ทำให้บางครั้งเฟอร์นิเจอร์บิลท์อินกลับจะมีราคาสูงกว่าลอยตัว (กรณีที่เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวนั้นผลิตเป็น mass product ) แต่สิ่งที่ยังทำให้เจ้าของบ้านยังเลือกเฟอร์นิเจอร์ประเภทนี้กันอยู่ก็เพราะ การประหยัดพื้นที่ และยังสามารถกำหนดลักษณะของเฟอร์นิเจอร์ได้ตามความต้องการนั่นเอง

          ดังนั้น ก่อนที่คุณจะตัดสินใจว่า จะเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์แบบบิลท์อินกับห้องต่างๆในบ้านดีหรือไม่ ลองตอบคำถามตัวคุณเองก่อนว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงจัดและตกแต่งห้องในอนาคตในระยะสั้นหรือไม่ เพราะทุกครั้งที่มีการรื้อถอนเฟอร์นิเจอร์บิลท์อินนั้น โดยมากจำเป็นต้องมีการซ่อมแซมผนังและทาสีใหม่ ต้องรื้อพรม หรือพื้นไม้ปาร์เก้ราคาแพง รวมถึงสภาพเลอะเทอะในบ้านซึ่งไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เมื่อมีงานรื้อถอน

ขอบคุณที่มา : http://www.cnxdesign.com

ผ้าม่านทายนิสัย


สำหรับทุกๆคนที่มีห้องส่วนตัวและได้ลงมือตกแต่งห้องด้วยตัวเองนั้นคงมีจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวที่จะชอบเลือกผ้าม่านมาตกแต่งห้องโดยเฉพาะการเลือกม่านนั้น ไม่ว่าจะเพื่อบังแสง หรือเพิ่มความสวยงามหรือสร้างบรรยากาศในห้อง ก็ต้องเลือกกันให้ถูกอกถูกใจ มาลองทายใจกันดูเถอะว่ารสนิยมส่วนตัวน่ะ สามารถบ่งบอกอุปนิสัยใจคอได้อย่างไรบ้าง ส่วนคนที่ไม่ได้ตกแต่งห้องด้วยตัวเอง ก็ต้องนึกถึงม่านที่ตัวเองชอบมากที่สุดมา 1 แบบ เอาล่ะไปพิสูน์คำทำนายกันเถอะ


ชอบผ้าม่านสไตล์คันทรี่
สำหรับคนที่ชอบผ้าม่านสไตล์คันทรี่ หรือชอบผ้าม่านที่มีลายตารางสวยๆโทนสีอบอุ่นโดยเฉพาะเข้าได้ดีกับสีไม้หรือสีน้ำตาล แสดงว่าเป็นคนให้ความสำคัญกับบ้านหรือที่พักสูง ชอบชีวิตครอบครัวอบอุ่น รักธรรมชาติ รักการผจญภัยแต่ก็ต้องไม่เสี่ยงมากนัก? และยังเป็นคนที่มีจิตใจอ่อนโยน รู้จักการผ่อนหนักเป็นเบา ปรับตัวได้ดีพอสมควร แต่ถ้าเลือกได้ก็ขอทำตามใจตัวเองอยู่ดี ( อย่างว่าแหละใครจะไม่ชอบตามใจตัวเอง )


ชอบผ้าม่านลูกไม้
ส่วนคนที่ชมชอบผ้าม่านที่เป็นลูกไม้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นแบบลูกไม้มีระบาย หรือว่าลูกไม้แบบฉลุทั้งผืนก็ตามแสดงว่าเป็นคนอ่อนหวาน ละเอียดอ่อน มองโลกตามความเป็นจริง แต่ก็ซุกซ่อนความฝันเอาไว้ลึกๆ??? นอกจากนี้ยังเป็นคนที่ชอบเอาอกเอาใจคนอื่น ดูแลคนอื่นเก่ง มีความเป็นแม่สูง ถ้าเป็นผู้ชายก็แสดงว่ามีจิตใจอ่อนโยนเป็นพิเศษ แต่ก็มักเป็นคนอ่อนแอในเรื่องบางเรื่อง ต้องการการดูแลและเอาอกเอาใจมากเช่นกัน


ชอบผ้าม่านติดระบายหรูหรา
ส่วนคนที่ชอบม่านติดระบายหรูหรา ไม่ว่าจะเป็นผ้าลูกไม้หรือไม่ แต่ต้องใช้เนื้อผ้าอย่างดี มีราคาแพง หรือตามสมัยนิยมนั้น แสดงว่าเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองมากๆแต่ขณะเดียวกันก็แคร์สายตาคนอื่น สามารถต่อสู้ฝ่าฟันทุกอย่างได้เพื่อต้องการจะเป็นที่หนึ่งเสมอ และมักจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่น มีบุคลิกที่คนอื่นจดจำได้ง่ายจะเป็นคนที่ชอบความสะดวกสบาย แต่ถ้าเป็นงานในความรับผิดชอบของตัวเอง จะทุ่มเทชนิดที่ว่าถึงไหนถึงกัน


ชอบผ้าม่านสีสว่างสดใส
ส่วนคนที่ชอบผ้าม่านสีสดใส สร้างบรรยากาศให้ห้องสว่าง มีสีสัน แสดงว่าเป็นคนชอบความสนุก เพลิดเพลิน แต่ก็เป็นคนขี้เบื่อ โกรธง่ายหายเร็ว หัวเราะเก่ง ยิ้มเก่ง เข้ากับคนได้เก่ง มีมนยุษย์สัมพันธ์ดี มักมีไอเดียน่าทึ่ง จัดว่าเป็นคนมีเสน่ห์ที่คนทั่วไปมักจะอยากใกล้ชิด?? แต่ว่าถ้าชอบผ้าสีสดมากๆ แสดงว่าเป็นคนปรวนแปร มักมีอารมณ์เร่าร้อน ยิ่งถ้าตกอยู่ในห้วงรัก จะลุ่มหลงในความรักมากจนน่าเป็นห่วง


ชอบผ้าม่านลายบาติค
สำหรับคนที่ชอบนำผ้าบาติคมาทำผ้าม่าน ชอบลวดลายน่ารัก และมีเสน่ห์แบบงานฝีมือ ก็แสดงว่าเป็นคนละเมียดละไม ช่างคิด ช่างจำ เป็นคนมีอารมณ์อ่อนหวาน รักงานศิลปะ มีจินตนาการสูง รักเด็ก รักสิ่งมีชีวิตต่างๆ? นอกจากนี้ยังเป็นคนที่ใครๆก็มักจะประทับใจ เพราะมีสิ่งที่น่าสนใจซุกซ่อนอยู่ในตัวมากมาย เป็นคนที่มีเสน่ห์ในความเรียบง่ายแฝงไปด้วยความลึกซึ้ง ที่ดึงดูดใจให้ใครต่อใครเฝ้าไขว่คว้าค้นหา


ชอบผ้าม่านลายปัก
ส่วนใครที่ชอบผ้าม่านที่ใช้ลายปักเป็นรูปต่างๆนั้น แสดงว่าเป็นคนที่รสนิยมดี ชอบแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง และยังเป็นคนที่มีเป้าหมายในชีวิต ชอบความสวยความงาม และรักการประดิดประดอย??? นอกจากนี้ ยังแสดงถึงการเป็นคนที่ไม่รีบร้อน หรือมีกฏเกณฑ์ในเรื่องเวลา จะมีความสุขเป็นพิเศษ เมื่อได้พบปะพูดคุยกับเพื่อนเก่า หรือคนที่เคยอยู่ร่วมกันมา จะเป็นคนชอบรำลึกความหลัง มักมีเรื่องฝังใจ


ชอบผ้าม่านที่มีลวดลายแปลกๆ
สำหรับคนที่ชื่นชอบผ้าม่านอีกแบบหนึ่ง คือผ้าที่มีลวดลายแปลกตา ไม่ว่าจะเป็นภาพจำลองประวัติศาสตร์ หรือภาพที่เป็นงานฝีมือของชนเผ่าต่างๆ หรือภาพที่สมมารถบอกถึงเรื่องราวต่างๆได้นั้น แสดงว่าเป็นคนที่ชอบสิ่งแปลกใหม่ ไม่ซ้ำซาก จำเจ และจะชอบงานด้านการศึกษาค้นคว้า??? และยังรักการได้เรียนรู้ มักแสวงหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังเป็นคนที่สนใจเรื่องราวประวัติศาสตร์ สนใจค้นคว้าความเป็นมาของสิ่งต่างๆ มีความเป็นนักปรัชญา-นักการศึกษาที่ดี


ชอบผ้าม่านลายดอกไม้
สำหรับคนที่ชอบผ้าม่านลายดอกไม้เป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้แบบไหนก็ตาม แสดงว่าเป็นคนที่มีความอ่อนโยน อ่อนหวาน รู้จักทะนุถนอมข้าวของเครื่องใช้ รักการจัดบ้าน ชอบตกแต่งสถานที่อยู่อาศัย รักสวยรักงาม และก็มีความโรแมนติกเป็นพิเศษ???? นอกจากนี้นังเป็นคนที่โปรดปรานการจับจ่ายใช้สอย ชอบช้อปว่างั้นเถอะ แต่ก็มักเป็นคนใจน้อยเจ้าน้ำตา ขี้แย และต้องการการเอาใจจากคนรัก อ้อ! มักจะชอบความมั่นคงในชีวิตด้วย


ที่มา : http://www.cnxdesign.com

วิธีเลือกซื้อผ้าม่าน ให้เหมาะสม ต่อการใช้งานในบ้าน

    1. ก่อนที่เราจะเลือกซื้อผ้าม่านมาติดที่บ้านนั้น เราต้องดูก่อนว่า เราต้องการซื้อผ้าม่านมาติดเพราะอะไร เช่น ป้องกันแสงแดด, แยกความเป็นส่วนตัวของห้อง, ติดเพื่อความสวยงาม
    2. เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ว่าจะติดผ้าม่านเพราะอะไร จากนั้น ก็ให้เลือก โทนสี ไว้ในใจ อาจจะเลือกสีที่เราชอบ, สีที่เข้ากับห้อง,
       - เทคนิค การเลือกผ้าม่าน ให้เข้ากับหน้าต่างในบ้าน
               * ให้สังเกตลวดลายของผ้ากับหน้าต่าง เช่น หน้าหน้าต่างกว้าง ควรเลือกลาย ที่เป็นลักษณะแนวตั้ง จะช่วยให้หน้าต่างแคบลง และควรแบ่งผ้าม่านออกเป็นช่อๆ เพื่อลดความกว้างของอย่าต่างได้อีกแนวทางหนึ่ง
               * ถ้าหน้าต่างเล็ก ไม่ควรเลือกดอกไม้ที่มีขนาดใหญ่ เพราะ จะทำให้หน้าต่างนั้น ดูแคบลงไปกว่าเดิมมาก
               * ถ้าหน้าต่างสูง ควรเลือกลายผ้าม่าน ในแนวขวาง เพื่อให้หน้าต่างดูเตี้ยลง ไม่สูงเกินไป
     3. จากนั้นให้เลือกผ้าม่าน ตามขนาด ความยาว ให้พอดีกับหน้าต่าง หรืออาจจะยาวกว่าหน้าต่างลงมานิดหน่อย (ขั้นตอนนี้ เราอาจจะ หาผ้าม่านมาติดเอง หรือจะเรียกให้ช่างมาติดให้ ตามแต่สะดวกครับ)
     4. หลังจากได้ผ้าม่านสวยๆ ติดรอบบ้านแล้ว อย่าลืมดูแลรักษาความสะอาดอยู่เสมอนะครับ เพราะที่ผ้าม่านนั้น เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคอย่างดีเลยครับ



ที่มา :http://www.cnxdesign.com